TOPIC for EXOTIC SHORTHAIR BREED: บทความดีๆเกี่ยวกับแมวเอ็กโซติก
🌸 คำแนะนำเบื้องต้น 🌸
สำหรับผู้อยากเริ่มเลี้ยง
แมวจมูกแบน
”EXOTIC SHORTHAIR“

เนื่องจากมีผู้สนใจแมวพันธุ์เอ็กโซติกช็อตแฮร์ (exotic shorthair) เยอะขึ้นอย่างมาก และส่วนใหญ่ก็ไม่เคยรู้จักหรือมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับน้องแมวสายพันธุ์นี้มาก่อน ทางเราจึงขอสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูน้องๆพันธุ์นี้เบื้องต้นดังนี้
.
1. อุปนิสัย ใจดี รักสงบ รักเจ้าของ ไม่ดุร้าย ไม่ซุกซน ไม่ทำลายข้าวของ จึงเหมาะสำหรับทุกวัย ทุกครอบครัว โดยเฉพาะผู้อาศัยในคอนโดหรือหอพัก (เด็กๆบ้านเราส่วนใหญ่จะอุ้มได้นาน และติดคนมากๆเลยน้า 🥰)
.
2. นอนเยอะมาก 18-22 ชั่วโมงต่อวัน แต่ควรชวนน้องวิ่งเล่น วันละ 30-60 นาที จึงเหมาะสำหรับ คนวัยทำงาน พนักงานออฟฟิต ออกเช้ากลับค่ำ (แต่ต้องกลับบ้านทุกวันนะ เพราะน้องค่อนข้างขี้เหงา)
.
3. น้องเป็นแมวบ้าน ไม่ใช่แมวป่า ไม่เคยใช้ชีวิตนอกบ้าน อีกทั้งเด็กๆที่บ้านมาจากสายเลือดเมืองหนาว ทั้งอิตาลี ยูเครน เดนมาร์ก ดังนั้น ควรเลี้ยงระบบปิด ภายในบ้านเป็นหลัก ห้ามปล่อยน้องวิ่งเล่นเองนอกบ้านแบบไม่มีคนเฝ้า เพราะน้องป้องกันตัวไม่เป็น และควรเลี้ยงในบริเวณที่อุณหภูมิไม่ร้อน ไม่เกิน 30 องศา ถ้าเป็นไปได้ ควรเลี้ยงแอร์ 24 ชั่วโมง จะได้ขนสวยที่สุด อุณหภูมิห้องควรประมาณ 23-26 องศา จะดีมาก
.
4. ขนแน่น ขนฟู จากกรรมพันธุ์ตามสายเลือดเมืองนอก จึงอาจจะทำให้เป็นเชื้อราง่าย ดังนั้นควรรักษาความชื้นภายในบริเวณเลี้ยงน้องให้ดี ประมาณ 50-65% เพราะถ้าความชื้นต่ำไป จะขนแห้งกรอบ ถ้าชื้นมากไป จะเป็นเชื้อรา และต้องมั่นใจว่าเป่าจนแห้งสนิททุกครั้งหลังอาบน้ำ หากไม่ชัวร์ ให้ไปซื้อตู้เป่าขนแมวมาช่วยเป่าเก็บตอนท้ายจบอีกทีน้า สะดวกมากครับ 😜
.
5. ขนร่วงเยอะทั้งปี (ยืนยันโดยผู้เลี้ยงทั้งเมืองไทยและเมืองหนาว) โดยจะมีช่วงผลัดขนหนักๆ คือ ก่อนเข้าหน้าหนาว เดือน กันยายน-พฤศจิกายน และ ช่วงหน้าร้อน มีนาคม-พฤษภาคม จึงจำเป็นต้องหวีขนทุกวัน (ควรเลือกใช้หวีที่ดี ตามกำลังทรัพย์ ไม่ต้องแพงมากแบบ Christensen ก็จะมี Shernbao ที่ดีพอสมควร ) อีกทั้งควรดูดฝุ่นดูดขนแมวตามพื้นทุกวัน อาจจะใช้ Robot ช่วยได้ครับ เพื่อความสะดวกสบายของคนเลี้ยง นอกจากนี้ การอาบน้ำ ควรทำทุก 1-2 เดือน จะช่วยลดขนร่วงได้ และทำให้น้องมีขนฟูสวยสะอาดมากขึ้น (ถ้าใช้เป็นแชมพูที่มีส่วนผสมป้องกันการเกิดเชื้อราได้จะดีมาก ที่บ้านจะใช้ Pinkpawpal สีเขียว ผสมกับ O2 premium สีน้ำเงิน ไม่จำเป็นต้องอาบด้วย MALASEB ทุกรอบนะ เพราะขนจะกรอบมาก ที่บ้านไม่ได้ใช้เลย)
.
6. จมูกแบนบี้ เลยทำให้มีน้ำมูกได้ง่าย เป็นหวัดได้บ่อย เป็นไซนัสง่าย และเจอโรคภูมิแพ้เยอะ ต้องคอยหยอดน้ำเกลือบ่อยๆเพื่อช่วยเคลียจมูก
.
7. ปากไม่ยื่น ทำให้การกินอาหารและน้ำ จะไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่นๆ เพราะหน้าจะจุ่มชามข้าว ทำให้หน้าเหม็นอาหาร เศษอาหารติดหน้าติดตาติดจมูก และกินอาหารเปียกหลายชนิดไม่ได้ จะต้องกินอาหารเปียกแบบที่เป็นเนื้อ MOOSE เหลวๆสูตร kitten เท่านั้น ไม่ควรกินแบบชิ้นเนื้อใน Jelly เพราะน้องจะกินได้ไม่หมด อีกทั้งขนบริเวณคางและคอ มักจะจุ่มลงน้ำบ่อย ทำให้เปียกและเกิดคราบเหลือง เป็นสิวดำที่คางแมวได้ง่าย ต้องคอยหมั่นเช็ดและทำความสะอาดทุกวัน และต้องใช้น้ำยาหมักขจัดคราบเหลืองที่คอเวลาอาบน้ำ ดังนั้นควรเลือกชามน้ำแบบมีที่รองคอกันเปียกจะดีกว่า (คางสิวดำที่คาง เราว่าใช้ chlorhexidine สีชมพู หยด 1 หยดในสำลีแล้วผสมน้ำชุ่มๆเช็ด คือ ดีมาก สะอาดมาก)
.
8. เบื่ออาหารเดิมๆ จากการสังเกตเอง พบว่า น้องจะเบื่ออาหารที่กินอยู่ประจำ หากกินต่อเนื่องนานเกิน 6-12 เดือน ดังนั้นผู้เลี้ยงต้องควรสังเกตพฤติกรรมการกินอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่า เริ่มมีอาการเบื่ออาหารเดิมๆ โดยที่ไม่มีอาการป่วย แสดงว่า ต้องลองหาอาหารยี่ห้อใหม่ๆมาเปลี่ยนดูบ้างแล้ว
.
9. ดวงตากลมโต ทำให้เกิดโอกาสมีแผล และติดเชื้อได้ง่าย ต้องคอยทำความสะอาดเช็ดตาทุกวันด้วยน้ำเกลือล้างจมูกคนหรือน้ำยาล้างตาโดยเฉพาะ เช่น Opsar หรือ Op-Ize (ของ Klean & Kare) และต้องตรวจตาอย่างใกล้ชิด วันละครั้ง หากมีปัญหา ต้องพาไปพบแพทย์เฉพาะทางตาทันที
.
10. เล็บ ควรตัดเมื่อรู้สึกว่ายาวหรือคม ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง
.
11. หู ควรทำความสะอาดเมื่อมีคราบดำ หรือเดือนละ 1-2 ครั้ง
.
12. เวชภัณฑ์ติดบ้านที่ควรมี ทางเราจะแนะนำเมื่อได้น้องแมวจากบ้านเราไป เพราะอยากให้เจ้าของสามารถดูแลและจัดการเบื้องต้นได้
.
13. โรคประจำที่พบบ่อยมาก ได้แก่ โรคตา โรคภูมิแพ้ (เป็นหวัดง่าย และแพ้อาหารบางชนิดได้) เชื้อราตามผิวหนัง เครียดง่าย (รวมทั้งขี้เหงา แม้จะชอบนอนเยอะ) รวมทั้งโรคทางเดินปัสสาวะในแมวชาย (จึงจำเป็นต้องสังเกต ปริมาณน้ำที่น้องกิน และปริมาณก้อนปัสสาวะในทุกๆวัน)
.
14. โรคตามกรรมพันธุ์ที่พบบ่อย (ในแมวบางสาย) เช่น
.
🌟 โรคถุงน้ำในไต PKD : ถ้าเป็นกรรมพันธุ์ จะเป็นแบบรุนแรง พบตั้งแต่ก่อน 1 ขวบ แต่ถ้าอายุมากเกิน 8-10 ก็พบได้ไตเสื่อมตามปกติ)
.
🌟 โรคหัวใจ ทั้งแบบผนังหัวใจหนา หรือแบบแฝง : มักจะถ่ายทอดตามกรรมพันธุ์ตามสายเลือดเป็นหลัก ให้ลองไปเชคประวัติสายเลือดดีๆ ว่ามีใครอยู่ๆก็หลับไปก่อนอายุ 2-3 ขวบไหม และมักพบในแมวชายเป็นหลัก แบบแรกจะตรวจจากยีนหรือเอคโค่ได้ แต่แบบแฝง จะไม่สามารถตรวจพบได้ก่อนเลย และโปรดอย่ากลัวว่าน้องแมวพันธุ์นี้จะเข้ารับการผ่าตัดดมยาสลบแล้วจะไม่ฟื้นน้า มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะมันเป็นจากสายเลือดตามกรรมพันธุ์เค้า ไม่ได้เกี่ยวกับสายพันธุ์หน้าบี้หน้าแบนน้า ☺️
.
🌟 โรคจอประสาทตาฝ่อ PRA : โรคนี้ไม่ค่อยเจอหรอก พบน้อยมากๆๆ โดยมักพบหลังอายุ 3-5 ปี น้องจะมองเห็นลดลง กลัวที่มืด ขึ้นลงบันไดลำบาก หาน้ำหาอาหารไม่เจอ และสุดท้าย ตาจะบอดสนิท โรคนี้ไม่มีทางรักษา
.
ในเมืองนอกจึงมักตรวจคัดกรอง 3 โรคนี้ก่อนนำมาเป็นพ่อแม่พันธุ์เสมอ ซึ่งหนุ่มอิตาลีของเราก็ได้ตรวจคัดกรองสามโรคน่ากลัวนี้มาครบแล้ว โดย PKD/PRA เป็นการเจาะเลือดตรวจยีน ส่วนโรคหัวใจจะทำได้แค่ตรวจเอคโค่พ่อแม่เพื่อดูผนังหัวใจหนาตัว
.
ขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านกันจนจบน้า 🙏🏻💓